Online และ Offline Marketing กับการทำธุรกิจขายห้องพักโรงแรม

มีโรงแรมจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับคำว่า Online Marketing คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เป็นเพราะโรงแรมเหล่านั้นให้นิยามของคำว่า “Marketing” เพียงแค่การขาย มากกว่าการใช้ประโยชน์ของการตลาดแบบบูรณาการในทุกๆ ด้าน

สำหรับบทบาทของ Online และ Offline Marketing ที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อสินค้า/บริการของลูกค้าไปใช้นั้น มีรูปแบบของความสัมพันธ์กันดังต่อไปนี้
1. Offline Marketing – Online Purchase เป็นการตลาดแบบดั้งเดิมทั่วไปผ่านช่องทาง Offline แต่วิธีการสั่งซื้อสินค้า/บริการ ทางธุรกิจมีช่องทาง Online เข้ามาใช้เพื่อความสะดวกในการจัดจำหน่าย แนวทางนี้จะมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และโปรโมตสินค้าผ่านช่องทางการตลาดแบบ Offline ต่างๆ โดยให้ลูกค้าทำการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ของธุรกิจที่จัดเตรียมไว้ในการขายสินค้า
2. Offline Marketing – Offline Purchase เป็นการตลาดแบบดั้งเดิมทั่วไปผ่านช่องทาง Offline และยังคงใช้วิธีการสั่งซื้อสินค้า/บริการ แบบดั้งเดิมผ่านช่องทาง Offline ธุรกิจจะทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขาย ผ่านช่องทาง Offline และสั่งซื้อสินค้าผ่านทางช่องทาง Offline รูปแบบนี้จัดได้ว่าเป็นรูปแบบการตลาดแบบดั้งเดิมอย่างแท้จริง โดยไม่มีการนำเอาเทคโนโลยีทางด้าน Online มาใช้เลย
3. Online Marketing – Online Purchase เป็นการตลาดรูปแบบใหม่ผ่านสื่อและช่องทางการตลาดแบบ Online และมีระบบ Online Distribution สำหรับการสั่งซื้อ-ขายสินค้าอย่างสมบูรณ์ รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการตลาดแบบ Online โดยสมบูรณ์ ที่ทางธุรกิจต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี และช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ Online มารองรับการซื้อ-ขาย หากไม่พัฒนาด้วยตนเองก็อาจจะเลือกใช้บริการช่องทางจัดจำหน่าย Online ในลักษณะของ Third Party
4. Online Marketing – Offline Purchase เป็นการตลาดผ่านสื่อและช่องทางการตลาดแบบ Online แต่ไม่มีการซื้อ-ขาย ผ่านช่องทาง Online รูปแบบนี้เป็นวิธีได้รับความนิยมอยู่เป็นอย่างมากในขณะนี้ เพราะธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ช่องทาง Online ต่างๆ มาใช้กับการตลาดของตนเอง และมีช่องทาง Online ไม่น้อยที่มีให้ใช้ได้ฟรี และได้รับความนิยม

การที่จะเลือกใช้การตลาดในรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแต่ละ Segment ว่าจะสามารถใช้ช่องทางการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) รูปแบบใดจึงจะเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม การที่จะเลือกใช้วิธีการจัดจำหน่าย และซื้อ-ขายสินค้าวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละกลุ่มว่าจะนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าใด อีกทั้งศักยภาพของธุรกิจในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายด้วย

จะเห็นได้ว่าทั้น Online และ Offline Marketing นั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือส่งผลต่อการขายในด้านใดด้านหนึ่งเป็นการเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าความสำเร็จของการใช้ Online Marketing ไม่ได้วัดผลจากการซื้อ-ขาย สินค้าผ่านช่องทาง Online แต่เพียงอย่างเดียว เพราะลูกค้าอาจจะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทาง Offline ก็เป็นไปได้ ในขณะเดียวกัน Offline Marketing ก็อาจจะมีการเข้ามาใช้ช่องทาง Online ในการหาซื้อสินค้า/บริการ ก็มีไม่ใช่น้อย
ในปัจจุบัน Online Marketing นั้นจัดได้ว่าเป็นรูปแบบและช่องทางการตลาดที่ต้นทุนต่ำ ครอบคลุมตลาดได้กว้างไกล ได้ผลรวดเร็ว และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า Offline Marketing แบบดั้งเดิมอยู่เป็นจำนวนมาก

การทำการตลาดโลก ออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์

อินเตอร์เน็ต หรือ โลกออนไลน์ นับวันยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจ ที่ โลกออนไลน์ คือช่องทางติดต่อสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลายองค์กรหรือหลายบริษัทจึงต่อยอดหรือแตกแขนงธุรกิจของตนเข้าสู่ โลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุค ทวิตเตอร์

การตลาดในยุคปัจจุบัน หันมาใช้ด้าน Online Marketing มากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า อินเตอร์เน็ตนับมีส่วนสำคัญในการขยายฐานลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหันมาค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์กันมากขึ้นทุกๆ วัน ตลอดจนทั้งการแข่งขันในการเรื่องขอการนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายมีการ แข่งขันการอย่างมาก โดยเฉพาะการทำการตลาดผ่าน Social Media ช่วยให้คุณทำการตลาดได้ง่ายขึ้น และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการทำการตลาดแบบ ออฟไลน์ เป็นอย่างมาก ประกอบกับการทำการตลาดผ่าน Social Media โดยเฉพาะ Facebook นั้นมีขั้นตอนที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนเว็บไซต์ และลูกค้าที่กดไลท์ชอบสินค้าหรือบริการของเรายังสามารถแชร์ให้เพื่อนเห็น เกิดเป็น Network มีผลให้สินค้าและบริการของเรามีการแพร่กระจายต่อไปยังผู้บริโภคคนอื่นๆ อีกด้วย  ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆ ท่าน ต้องหันมาปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

ออฟไลน์  รูปแบบการทำงานในสมัยเก่า เป็นธุรกิจเครือข่ายในลักษณะที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยีทาง internet ใช้วิธีการติดต่อธุรกิจแบบปากต่อปาก หรือที่เรียกว่า Viral Marketing เพื่อทำการขายสินค้า รวมไปถึงชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ

ออนไลน์ รูปแบบการทำการตลาดบน Internet แบบออนไลน์เป็นการทำการตลาดกับผู้ที่ใช้ Search engine หรือ Social Media ซึ่งเทคโนโลยีทางด้าน IT นั้นได้เข้ามาช่วยเหลือทำให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น ธุรกรรมต่างๆก็ใช้ website เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อกับผู้คนทั่วโลกที่กำลังออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Email , VDO และสื่อดิจิตอลอื่นๆ

แล้วเราจะเลือกแบบ Online หรือ Offline ดีล่ะ
วิธีการเลือกที่ดีที่สุดนั้นคือเลือกในแบบที่เราถนัด เพื่อสร้างผลลัำพธ์ให้เร็วที่สุดก่อน แล้วต้องรีบศึกษาวิธีที่เราไม่ถนัดควบคู่ไปด้วย เพื่อทำให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง

โดยจะเห็นว่าปัจจุบันนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยี Online เข้ามาช่วยจะสามารถเติบโตได้เร็ว เพราะเป็นการทำตลาดกับคนได้กว้างขวางกว่า และมีระบบในการคัดกรองคนที่น่าสนใจ ทำให้ลดอัตราการออกของนักธุรกิจ เพราะนักธุรกิจล้วนมีความสนใจอยู่แล้ว ทำให้ไม่เหนื่อยในการทำงาน แต่องค์กรจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กรมีการเชื่อมความสัมพันธ์กัน ได้รู้จักกัน มีการช่วยเหลือกัน ก็จะสามารถทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคง

สำหรับนักธุรกิจแบบออฟไลน์ ถ้าหากถนัดด้านนี้ก็ควรใช้ทักษะที่ตัวเองมีหาผู้มุ่งหวังที่เรารู้จักให้ได้เร็วที่สุดก่อน และจะต้องเตรียมศึกษาวิธีออนไลน์ไว้ด้วย เพราะเราจะต้องรู้ความจริงที่ว่าเมื่อผู้มุ่งหวังของเราใกล้หมดเมื่อใด เราก็จำเป็นที่ต้องมีรายชื่อผู้มุ่งหวังใหม่ๆเข้ามา ซึ่งวิธีการทำออนไลน์ก็จะเป็นวิธีที่สามารถส่งทรัพยากรมาให้เราได้อย่างต่อเนื่อง เพราะโลกในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมาก การใช้วิธีออฟไลน์ เราจะมาชวนคนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง โดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และไม่รู้ว่าผู้มุ่งหวังจะสนใจหรือไม่ โลกในยุคปัจจุบันคุณจะค่อยๆถูกพวกออนไลน์แซงไปทีละนิด และเมื่อยิ่งเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด คุณจะยิ่งถูกแซงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การใช้วิธีออนไลน์ต้องอย่าลืมจัดระบบการเทรนนิ่งและรักษาคนในองค์ให้ดี เพราะนี่คือจุดอ่อนของวิธีออนไลน์เช่นกัน

การตลาดในยุคปัจจุบัน หันมาใช้ในรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์

การตลาดทางอินเตอร์เน็ต-300x225
การตลาดบนโลกออนไลน์ จะเริ่มเข้าไปมีบทบาทเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจหน้าร้านค้าปกติ (ออฟไลน์) ได้อย่างมาก อย่างเช่น หลายคนหาข้อมูล-ส่วนลดร้านอาหารจากทางออนไลน์ผ่านบริการของ ดีลพิเศษแต่ละวัน (Daily Deal) เพื่อไปทานอาหารกับเพื่อนๆ หรือลูกค้า บางคนส่อง QR Code เพื่อรับข้อมูล ณ.จุดขายเพื่อสามารถดูข้อมูลสินค้าและรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นได้ ดังนั้นการเชื่อมโยงข้อมูลจากโลกออนไลน์ไปกระตุ้นหรือทำให้คนตัดสินใจซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์กำลังจะเริ่มเติบโตมากขึ้น ซึ่งบางธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายและจำนวนลูกค้าได้มหาศาลจากการตลาดลักษณะนี้

การทำตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ถือว่าเป็นแนวทางที่มาแรงมากในยุคนี้ทางบริษัทตัวแทนโฆษณาจึงพิจารณากันใหม่โดยสร้างเป็นนวัตกรรมหนึ่งทางด้านการ ตลาดก็คือ จะแบ่งเป็น 2 แนวทางคือ
1. การตลาดแบบ Offline Marketing คือ การสื่อสารการตลาดโดยใชเครื่องมือกลุ่มAbove the line และ กลุ่ม Below the line Activities กล่าวคือ กิจกรรมทางโฆษณา การตลาดและการขายที่มองเห็นไม่เกี่ยวกับอินเตอร์เนต จับต้องได้นั่นเอง
2. การตลาดแบบ Online Marketing คือ การตลาดทีมีกิจกรรมบนไซเบอร์หรือระบบอินเตอร์เนตทั้งหมดนั่นเองไม่ว่า จะเป็นการซื้อการขาย การโฆษณาหรือการวางแผนการตลาดผ่านทางอินเตอร์เนต ซึงปัจจุบันจะมีความสำคัญมากและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากทีเดียว ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การทำตลาดออนไลน์
วิธีการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ องค์ประกอบต่างๆ ของการตลาดแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้ประกอบการซึ่งมีหน้าร้านบนโลกไซเบอร์แห่งนี้จะต้องทำความเข้าใจเป็น อย่างดี เพื่อจะได้จัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วงเริ่มต้นนั้นการตลาดอาจเป็นเรื่องยากของผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอยู่ แต่การศึกษาหาข้อมูล และการทำความเข้าใจในวิธีการการตลาดจะสามารถนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพิ่ม เติมความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย การใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือเชิงพาณิชย์นั้น สามารถช่วยให้ผู้ขายประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของสินค้า พนักงานขาย และให้บริการได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ ผู้ขายจะต้องศึกษาเรื่องของสินค้า, ช่องทางการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้การใช้สื่อประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ดังนั้นการมีเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าจึงไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จทาง ธุรกิจ เพราะยังมีองค์ประกอบที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือ “การตลาด” แต่เดิมนั้น หลายท่านอาจจะรู้จักส่วนผสมทางการตลาดเพียง 4 P คือ Product, Price, Place, Promotion แต่ปัจจุบันท่านต้องรู้จักกับอีก 2 P ใหม่คือ Personalization และ Privacy เพื่อให้เกิดแนวคิดประยุกต์ใช้องค์ประกอบการตลาดดั้งเดิม บวกกับความสามารถพิเศษของเทคโนโลยี ทำให้เกิดองค์ประกอบการตลาดแบบใหม่ได้