การทำการตลาดโลก ออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์

อินเตอร์เน็ต หรือ โลกออนไลน์ นับวันยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจ ที่ โลกออนไลน์ คือช่องทางติดต่อสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลายองค์กรหรือหลายบริษัทจึงต่อยอดหรือแตกแขนงธุรกิจของตนเข้าสู่ โลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุค ทวิตเตอร์

การตลาดในยุคปัจจุบัน หันมาใช้ด้าน Online Marketing มากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า อินเตอร์เน็ตนับมีส่วนสำคัญในการขยายฐานลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหันมาค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์กันมากขึ้นทุกๆ วัน ตลอดจนทั้งการแข่งขันในการเรื่องขอการนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายมีการ แข่งขันการอย่างมาก โดยเฉพาะการทำการตลาดผ่าน Social Media ช่วยให้คุณทำการตลาดได้ง่ายขึ้น และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการทำการตลาดแบบ ออฟไลน์ เป็นอย่างมาก ประกอบกับการทำการตลาดผ่าน Social Media โดยเฉพาะ Facebook นั้นมีขั้นตอนที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนเว็บไซต์ และลูกค้าที่กดไลท์ชอบสินค้าหรือบริการของเรายังสามารถแชร์ให้เพื่อนเห็น เกิดเป็น Network มีผลให้สินค้าและบริการของเรามีการแพร่กระจายต่อไปยังผู้บริโภคคนอื่นๆ อีกด้วย  ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆ ท่าน ต้องหันมาปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

ออฟไลน์  รูปแบบการทำงานในสมัยเก่า เป็นธุรกิจเครือข่ายในลักษณะที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยีทาง internet ใช้วิธีการติดต่อธุรกิจแบบปากต่อปาก หรือที่เรียกว่า Viral Marketing เพื่อทำการขายสินค้า รวมไปถึงชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ

ออนไลน์ รูปแบบการทำการตลาดบน Internet แบบออนไลน์เป็นการทำการตลาดกับผู้ที่ใช้ Search engine หรือ Social Media ซึ่งเทคโนโลยีทางด้าน IT นั้นได้เข้ามาช่วยเหลือทำให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น ธุรกรรมต่างๆก็ใช้ website เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อกับผู้คนทั่วโลกที่กำลังออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Email , VDO และสื่อดิจิตอลอื่นๆ

แล้วเราจะเลือกแบบ Online หรือ Offline ดีล่ะ
วิธีการเลือกที่ดีที่สุดนั้นคือเลือกในแบบที่เราถนัด เพื่อสร้างผลลัำพธ์ให้เร็วที่สุดก่อน แล้วต้องรีบศึกษาวิธีที่เราไม่ถนัดควบคู่ไปด้วย เพื่อทำให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง

โดยจะเห็นว่าปัจจุบันนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยี Online เข้ามาช่วยจะสามารถเติบโตได้เร็ว เพราะเป็นการทำตลาดกับคนได้กว้างขวางกว่า และมีระบบในการคัดกรองคนที่น่าสนใจ ทำให้ลดอัตราการออกของนักธุรกิจ เพราะนักธุรกิจล้วนมีความสนใจอยู่แล้ว ทำให้ไม่เหนื่อยในการทำงาน แต่องค์กรจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กรมีการเชื่อมความสัมพันธ์กัน ได้รู้จักกัน มีการช่วยเหลือกัน ก็จะสามารถทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคง

สำหรับนักธุรกิจแบบออฟไลน์ ถ้าหากถนัดด้านนี้ก็ควรใช้ทักษะที่ตัวเองมีหาผู้มุ่งหวังที่เรารู้จักให้ได้เร็วที่สุดก่อน และจะต้องเตรียมศึกษาวิธีออนไลน์ไว้ด้วย เพราะเราจะต้องรู้ความจริงที่ว่าเมื่อผู้มุ่งหวังของเราใกล้หมดเมื่อใด เราก็จำเป็นที่ต้องมีรายชื่อผู้มุ่งหวังใหม่ๆเข้ามา ซึ่งวิธีการทำออนไลน์ก็จะเป็นวิธีที่สามารถส่งทรัพยากรมาให้เราได้อย่างต่อเนื่อง เพราะโลกในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมาก การใช้วิธีออฟไลน์ เราจะมาชวนคนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง โดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และไม่รู้ว่าผู้มุ่งหวังจะสนใจหรือไม่ โลกในยุคปัจจุบันคุณจะค่อยๆถูกพวกออนไลน์แซงไปทีละนิด และเมื่อยิ่งเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด คุณจะยิ่งถูกแซงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การใช้วิธีออนไลน์ต้องอย่าลืมจัดระบบการเทรนนิ่งและรักษาคนในองค์ให้ดี เพราะนี่คือจุดอ่อนของวิธีออนไลน์เช่นกัน