แหวนทอง อัญมณีล้ำคุณค่าที่ใครๆ ก็พึงประสงค์ที่จะเป็นเจ้าของ

สีสันที่ต้องตาต้องใจเจิดจ้าตามธรรมชาติปนกับความมันวาวก่อให้เกิดความสวยงามอันเป็นอมตะ พร้อมทั้งมีค่า ทอง เป็นสิ่งที่ใครๆหลงใหล กับหมายไว้จับจอง มนุษย์รู้จักมักคุ้นทองคำมาตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปี เป็นความสำคัญแห่งความสมบูรณ์เจริญรุ่งเรือง ในอดีตทองคำเป็นสิ่งที่มนุษย์เรารู้จักพร้อมทั้งนำมาใช้อรรถประโยชน์เยอะ อาทิ ในพระพุทธศาสนาก็นำไปเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของพุทธรูป ในครัวเรือนก็นำไปใช้ในการทำจานชามทองคำ และที่เราแลเห็นกระจ่างคือ การที่นำทองทำมาเป็นอัญมณีแต่งเรือนร่าง จนกระทั่งประจุบันแบบอย่างการนำทองคำมาประดับประดาร่างกายก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ในประจุบัน

แหวนทองเป็นอัญมณีอีกหนึ่งสิ่งที่ เป็นที่นิยมกัน อาจเกี่ยวกับด้วยการดูแลที่ไม่ซับซ้อน ง่ายในการใส่ พร้อมด้วยปัจจัยสำคัญคือเป็นสิ่งที่ใช้ได้ทั้งผู้ชายพร้อมทั้งผู้หญิง

นอกจากการสวมแหวนที่ส่งเสริมบารมีให้แก่ผู้สวมได้แล้ว การสวมแหวนยังมีความศรัทธาต่างอีก อาทิเช่น เสริมดวงการเงิน เสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก

แหวนทองในยุคปัจจุบันอาจผิดแผกจากกาลเวลาก่อนๆ คือ การที่มีจิตรงามต่างๆ ให้ผู้ที่หวังเป็นความเป็นเจ้าของได้คัดเลือก กับอาจรวมกันกับอัญมณีอื่น อาทิเช่น เพชร พลอย บุษราคัม ฯลฯ ส่วนการดูแลดูแลแหวนทองก็หามิได้เรื่องยากครับ โดยใช้แปรงถูฟันขนนิ่มขัดเบาๆคลุกกับการใช้น้ำผสมยาล้างจานร่วมด้วย แต่ถ้าหาวิธีการนี้ยังทำให้แหวนทองหรืออัญมณีอื่นของเรายังไม่หายหมอง จะใช้น้ำปนกันเข้ากับแอมโมเนีย โดยให้ใช้แอมโมเนีย 1 ส่วน ผสมกับน้ำ 6 ส่วน หลังจากนั้นให้แช่เครื่องประดับในน้ำที่ผสมไว้สัก 1 นาที แล้วค่อยนำขึ้นมารอเป่าให้แห้ง แต่ยังไงก็ตามไม่ควรใช้แอมโมเนียในการชำระล้างทองทุกเมื่อนะครับ เพราะมันจะทำให้ทองหมองคล้ำได้ครับ

คอลลาเจนที่รู้จักมีผลต่อตัวเองมากน้อยเพียงใด

คอลลาเจน คือสารโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แตกต่างจากโปรตีนโดยปกติอย่างกับเอนไซม์ เส้นใยคอลลาเจนมีรูปร่างเป็นสายบิดที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวข้องกันมากมาย โดยปกติผิวหนังจะมีคอลลาเจนเป็นโครงอยู่มาก คอลลาเจนนั้นมิได้มีอยู่ที่หนังส่วนหน้าอกแค่นั้น อวัยวะข้างในร่างกาย ได้แก่ ผังผืด โครงกระดูกอ่อน เอ็น เอ็นกล้าม และกระดูก คอลลาเจนที่เป็นตัวประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “เคราติน”

เคราติน มีภาระหน้าที่สร้างความเข้มแข็งและความอ่อนตัว เมื่อสารเคราตินภายในชั้นผิวจาง จึงปรากฏริ้วรอย บนชั้นผิว นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความอ่อนตัวให้ผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเยื่อใหม่ ทั้งยังคือชิ้นส่วนของเยื่อกระจกตาพร้อมทั้งแก้วตาตาด้วย

ในทางการพยาบาลคอลลาเจนมีการใช้ในศัลยกรรมเสริมแต่งอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการช่วยซ่อมแซมคนไข้รอยแผลไหม้เพื่อจะจัดทำกระดูกใหม่ ทั้งยังใช้ในจุดมุ่งหมายทางทันตกรรม ออร์โทพีดิกส์พร้อมกับศัลยกรรมอื่นอีกมาก

เช่นนี้เหตุเพราะเมื่อคอลลาเจนผ่านการสลายด้วยน้ำจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของคอลลาเจนเปปไทด์แบบ Polyproline II ไม่ก็เจลาติน เว้นแต่ว่าการใช้เป็นอาหารแล้ว คอลลาเจนยังใช้เป็นองค์ประกอบของยาแก้โรค เครื่องประทินโฉม เมื่อคิดทบทวนภายในแง่ของอุตสาหกรรมอาหารการกิน สารคอลลาเจนไม่ได้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีผลประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีพีอาร์เชิงพาณิชย์ว่าของซื้อของขายที่มีส่วนประกอบคอลลาเจนสามารถต้านการปรากฏริ้วรอยและมีผลประโยชน์ต่ออนามัย ซึ่งยังไร้ผลการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ที่ออกมา หนุนหลังโฆษณาการในลักษณะนี้

สนใจเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rubycollagenthailand.com/

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการกรองซื้อหาเครื่องสแกนลายนิ้วมือ

ปัจจุบันนี้ มีหลายสถานี และตามหุ้นส่วนหลากหลาย หันไปนิยมใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือกันมาก นั่นเป็นเพราะด้วยเครื่องสแกนลายนิ้วมือ อาจจะเอามาเป็นวัสดุอุปกรณ์ในการระวังสวัสดิภาพของหน่วยงาน  ตั้งแต่การเข้า-ออกทางเข้าออกออฟฟิศ รวมไปจวบจนกระทั่งการเข้าถึงที่ทางต่างๆ ที่มีความหมาย โดยมีการควบคุมให้เฉพาะเจาะจงผู้ได้สิทธิ์เท่านั้นถ้าพูดถึงเครื่องสแกนลายนิ้วมือ อดีตกาลนั้นมีมูลค่าสูงมาก แถมยังใช้งานได้แบบวงจำกัด แต่สมัยนี้ได้มีการขยายพร้อมทั้งมีเทคโนโลยี ที่กระทำการแก้ไขเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ให้มีการใช้งานในแบบที่ต่างๆนาๆเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถสแกนได้อย่างถูกต้อง ด้วยระยะเวลาอันโดยทันทีและเปลืองเวลาน้อย ราคาก็ไม่แพงมาก ทำให้หลายที่ทำงานเข้าถึงได้ง่ายทวี การกรองเครื่องสแกนลายนิ้วมือจะควรคิดถึงส่วนประกอบต่างๆ ตามนี้

 

มองดูความจุของลายพิมพ์นิ้วมือของเครื่องสแกนลายนิ้วมือ

ต้องเลือกสรรใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ที่มีขนาดของลายพิมพ์นิ้วมือ พร้อมกับเหมาะกับปริมาณผู้ใช้งาน หรือพนักงานในหุ้นส่วน  และจำต้องให้มีความเที่ยงตรงของจำนวนลายพิมพ์นิ้วมือของแต่ละคนที่ประสงค์ให้จำ  โดยการกรองจับจ่ายเครื่องสแกนลายนิ้วมือที่มีปริมาตรสูงมากแต่มูลค่าอาจสูงตามไปด้วย ซึ่งบางทีอาจจะเกินความจำเป็น ในการใช้งาน ซึ่งพึงเลือกให้เหมาะสำหรับโครงสร้างหลายๆอย่างด้วย จักได้ไม่เป็นการเปลือง

พิจารณาปริมาตรของตารางบันทึก เครื่องสแกนลายนิ้วมือ

การใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ จักมีการคัดลอกโปรแกรมจากเครื่องสแกนลายนิ้วมือทุกหน เป็นเหตุให้ความถี่ในการใช้งาน ส่งผลในการกรองปริมาตรของตาราง สแกนนิ้ว จากที่จดในเครื่อง เนื่องจากหากมีคีย์การ์ดการใช้งานภายในเครื่องบันทึกเวลาทำงานเข้าๆ ออกๆของผู้ปฏิบัติงาน ก็เท่ากับว่าจะเป็นการใช้คนละ 2 โปรแกรมต่อวัน สนใจสามารถติดต่อได้ที่ https://www.siamfingerscan.com/

เปรียบเทียบราคาคอนโด และที่พักอาศัยต่างๆ

ที่พักอาศัยถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต และเป็นสิ่งที่ใครต่อใครต้องการที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์หรือตึกแถว แฟลตหรืออาพาร์ตเม้นต์ เป็นต้น แต่เราจะมีวิธีเลือกซื้ออย่างไรที่จะถูกใจและเพื่อเทียบราคาได้ เรามาดูวิธีกันว่ามีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะนำไปประกอบการตัดสินซื้อทรัพย์สินนั้นๆ

1 ดูราคาตลาด วิธีนี้จะใช้ได้ดีกับ บ้านจัดสรร คอนโด ตึกแถว อาคารพาณิชย์ เนื่องจากมีทรัพย์ที่คล้ายๆกันค่อนข้างเยอะ ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบราคาได้ ไม่ว่าจะเป็นจากอินเตอร์เน็ต และราคาที่เชื่อถือได้คือ ราคาที่มีการขายเกิดขึ้นเเล้วนั้นเอง

2.คิดจากราคาที่จะเพิ่มขึ้น โดยที่เราสามารถคาดคะเนราคาที่ควรจะเป็นได้ในอนาคต เช่น พื้นที่นี้จะมีถนนตัดผ่าน หรือ จะมีศูนย์การค้ามาเปิด มีรถฟ้าตัดผ่านเเน่นอน พอมีข่าวพวกนี้เข้ามาราคาก็อาจจะเพิ่ม เเต่ถ้าเราคำนวนว่ามันยังไปได้อีก

3.คิดจากต้นทุนก่อสร้าง ในกรณีที่ไม่มีทรัพย์ให้เปรียบเทียบ เราสามารถคิดจากต้นทุนก่อสร้างเป็นตารางเมตรได้ เช่น ต้นทุนก่อสร้างของ อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง ประมาณ 1.3 ล้าน และเราก็ไปรวมกับราคาที่ดินที่เราประเมินแล้ว เราก็จะได้ราคาต้นทุนเพื่อเป็นเกณฑ์ในการดูราคาต่อไปนั้นเอง

การเลือกตากล้อง phuket photographer ให้เหมาะสมกับการใช้ชิ้นงาน

อาชีพช่างถ่ายรูป phuket photographer  เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีส่วนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการสะสมความทรงจำดี ๆ ในโอกาสต่าง ๆ หรือไม่ก็ในวันพิเศษต่าง ๆ อาทิงานวันเกิด งานวันรับปริญญา งานครบรอบ วิวาหมงคล แต่จะเลือกคัดคนถ่ายรูป อย่างใดที่จะทำให้เราได้ตากล้องได้ตรงกับลักษณะและแบบในการใช้งาน

โดยหลักในการเลือกช่างภาพให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานนั้น มีหลักในการเลือกพิจารณา ดังต่อไปนี้

  1. ควรจะเลือกเฟ้นช่างกล้องที่มีความเชี่ยวชาญในการงาน ด้วยการดู portfolio ของช่างถ่ายรูป ว่าแนวการถ่ายแฟชั่นใช้ในแบบที่เรามุ่งหมายใช่ไหม เนื่องด้วยตากล้องทุกคนจะมีแนวในการถ่ายหนังที่แตกต่างกันไป
  2. พึงจะขอดู Profile งานการฉายรูปในหลากหลายรูปแบบ เพื่อดูฝีไม้ลายมือในการถ่ายแบบแบบต่าง ๆ
  3. สมควรคัดเลือกคนถ่ายรูปที่มีช่องทางที่ต่อได้สบาย และสื่อสารแน่ไม่ว่าจะเป็นชื่อ, เลขหมายโทรศัพท์, E-mail, LineID, IG, ลิงค์ตัวอย่างงาน หรือแหล่งที่อยู่
  4. ควรมีการกำหนด(เวลา)พบเรื่องตกลงเวลาในงานการให้มั่นใจ และเป็นการศึกษาเล่าเรียนนิสัยใจคอของคนถ่ายรูป รวมทั้งระบุนัดหมายในการส่งงาน สำหรับความตระหนักในการงานด้วยกัน และไม่พึงจะจ่ายวางมัดจำก่อนได้ข้อสัญญาที่มั่นใจ
  5. ควรจะมีการกำหนดวันส่งงานที่ถูกต้อง พร้อมด้วยจะมีการส่งแฟ้มให้ในแบบใดบ้าง
  6. ควรจะมีการวิเคราะห์ถึงค่าครองชีพหลากหลาย ให้ตรงตามความอยากก่อนมัดจำ

การกรองช่างกล้องยกเว้นข้อแบ่งที่กำหนดแล้ว อย่าลืมเช็กเรื่องราวของตากล้องจากทางหน้าอินเตอร์เน็ตเพราะด้วยคนที่เราสนใจจัดจ้างมีประวัติเรื่องราวอย่างไร เพราะพอร์ตงานไม่ได้รับประกันเรื่องฝีไม้ลายมือ เป็นได้ว่าอาจนำภาพจากที่อื่นไม่ก็ช่างถ่ายรูปบุคคลอื่นมาแอบอ้าง เพราะฉะนั้นจะจัดจ้างคนถ่ายรูปผู้ใดนอกจากผลงานที่จำต้องดู มูลค่าที่จำเป็นต้องพิจารณา เรื่องเรื่องราวช่างภาพก็ห้ามพลาดพลั้งที่จะตรวจสอบ เนื่องมาจากไม่ยังงั้นชิ้นงานวันสำคัญอาจจะเหลือแค่ทัศนียภาพความทรงจำให้หลับตานึกถึง เลยอยากจะมาแนะลู่ทาง http://www.nindka.com ให้ลองเข้าดูรูปกันดูนะค่ะ

คำจำกัดความของ พีแอลซีที่พึงตระหนักและนำไปใช้กับผลงาน

โปรแกรมพีแอลซี คือวัสดุอุปกรณ์บังคับการกิจการงานของเครื่องยนต์กลไกไม่ก็วิธีการทำงานต่างๆ เพราะว่าชั้นในมี Microprocessor เป็นมันสมองสั่งการที่สำคัญ พีแอลซีจะมีส่วนที่เป็นอินพุตและเอาต์พุตที่สามารถต่อออกไปใช้งานได้ทันการ ตัวตรวจวัดไม่ก็สวิทตช์ต่างๆ จะต่อกับอินพุต ส่วนเอาต์พุตจะใช้ต่อออกไปบังคับการกิจการงานของวัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องกลที่คือความมุ่งหมาย เราอาจจะสร้างวงจรไม่ก็แบบของการควบคุมได้โดยการป้อนเป็นรายการข้อบังคับเข้าไปข้างใน พีแอลซี ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับวัสดุอุปกรณ์อื่นอาทิเช่นเครื่องอ่านบาร์โค๊ด  เครื่องพิมพ์

ซึ่งในปัจจุบันนี้นอกจากเครื่องมือพีแอลซี จะใช้งานแบบโดดเดี่ยว แล้วยังอาจต่อพีแอลซี หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน สำหรับควบคุมกิจการงานของระบบให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นด้วยจะมองเห็นได้ว่าการใช้งานพีแอลซี มีความยืดหยุ่นมากเช่นนั้นในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเปลี่ยนแปลงมาใช้พีแอลซีเพิ่มมากขึ้น

พีแอลซี คือวัสดุอุปกรณ์ชนิดโซลิด – สเตท ที่ดำเนินการแบบลอจิก การดีไซน์หน้าที่ของพีแอลซี จะใกล้เคียงกับแนวคิดทำงานของคอมพิวเตอร์ จากนโยบายขั้นต้นแล้ว พีแอลซีจะกอบด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่เรียกว่า Solid-State Digital Logic Elements เพื่อดำเนินการและปลงใจแบบลอจิก พีแอลซีใช้เพื่อคุมขั้นตอนทำงานของเครื่องกลและวัสดุอุปกรณ์ข้างในโรงงานอุตสาหกรรม

การใช้ PLC เพื่อสั่งงานเครื่องกลไกหรือเครื่องมือต่างๆ ข้างในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้ระเบียบของรีเลย์ ซึ่งจำต้องเดินสายกระแสไฟฟ้า ไม่ก็ที่เรียกว่า Hard- Wired ฉะนั้นเมื่อมีความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต ไม่ก็จัดลำดับการงานใหม่ ก็จำเป็นจะต้องเดินสายกระแสไฟฟ้าใหม่ ซึ่งเสียเวล่ำเวลาและเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ พีแอลซี แล้ว การเปลี่ยนแปลงขบวนการผลิตไม่ก็ลำดับหน้าที่ใหม่นั้นทำกันได้โดยการแปรเปลี่ยนรายการใหม่เท่านั้น สนใจข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.tic.co.th/index.php?op=product-index&cid=10&tid=73

ลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

12248173_10153211422566200_3920893482939897599_o

การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีหลายรูปแบบ ลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เราสามารถแยก ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ ดังนี้

1.การซื้อขายทั่วไป การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นการซื้อขายที่มีลักษณะคล้ายกับการซื้อขายในธุรกิจอื่นๆทั่วไป เช่น การซื้อมาแล้วขายไป ผลตอบแทนหรือส่วนต่างที่ได้คือกำไร ต่างกันที่การซื้อขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในทางกฎหมายกำหนดให้ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น โฉนดที่ดินเป็นเอกสารสิทธิที่แสดงตัวผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้นๆ ทั้งนี้ ก็เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่มูลค่าสูง จึงต้องมีกฎหมายควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

2.การปล่อยเช่า ลักษณะการปล่อยเช่า เช่น การให้เช่าหอพัก อพาร์ตเมนต์ เช่าห้องพัก เช่าบ้าน ให้เช่าโกดังเก็บสินค้า เช่าอาคารพาณิชย์ สำนักงานให้เช่า หรือการเช่าที่ดินว่างเปล่า  เป็นการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่า  “เสือนอนกิน” เพราะเมื่อลงทุนสร้างหรือซื้ออาคารซื้อที่ดินว่างเปล่าแล้วนำออกให้เช่า ก็จะทำให้เกิดรายได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นรายได้ที่ตายตัว ทำให้มีเงินใช้สอยไม่ขาดมือ

3.การเป็นนายหน้าซื้อขายหรือเช่า เป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เช่น เป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน ซื้อขายรถยนต์ ส่วนใหญ่ทำเป็นอาชีพเสริมหรือทำเป็นงานเสริม แต่การซื้อขายแต่ละครั้งอาจทำให้นายหน้ามีรายได้สูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถและองค์ประกอบด้านอื่นๆด้วย

9 ขั้นตอน เริ่มต้นทำ การตลาดออนไลน์

เจ้าของธุรกิจหลายคนจะรู้สึกเหมือนกันว่า การตลาดออนไลน์ เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน และเข้าใจยาก หลายต่อหลายครั้งที่เขาจ่ายเงินทำโฆษณาออนไลน์ไป แต่กลับไม่ได้ลูกค้ามากขึ้นดังที่ใจคิด

อีกทางหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจจะทำ คือ การจ้างนักการตลาดออนไลน์เป็นที่ปรึกษา ดูแลการตลาดออนไลน์ให้แทน แต่ถ้าหากยังไม่ได้ผล ทำไมเจ้าของธุรกิจถึงไม่ลองทดสอบและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้างล่ะ ? ซึ่งอาจจะพบวิธีทำการตลาดออนไลน์และได้ลูกค้าใหม่ๆมาก็เป็นได้

social-media-sharing

บทความนี้ ” 9 ขั้นตอน เริ่มต้นทำ การตลาดออนไลน์ ” จะเป็นการแนะนำ วิธีการทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะลองลงทุนเรียนรู้ และหาหนทางในการทำการตลาดออนไลน์ด้วยมือของคุณเองครับ

  1. เริ่มต้นที่ Social Media

Social Media คือ เครือข่ายผู้บริโภคขนาดใหญ่ สถานที่ที่สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) และการ PR เป็นอย่างดี เพราะด้วยความสามารถในการกดชอบ (like), แสดงความคิดเห็น (Comment) และการแชร์ (Share) ล้วนส่งผลดีแทบทั้งสิ้น

สามารถสร้าง Facebook Fanpage ได้ที่ คลิ๊กสร้าง Fanpage

  1. เริ่มต้นเขียนบล็อก (Blog)

อย่าเพิ่งปฏิเสธการเขียน Blog เพราะ การเขียนบทความ (Articles) ใน Blog นั้นมีคุณค่ากับธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง เช่น การสร้างการรับรู้ (Awareness), ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และ ความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจ (Authority)

Tip : การเขียน Blog จะไม่เหมือนการเขียนงานเรียงความในมหาลัย (ซึ่งนั้นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านเขียน) โปรดใช้เทคนิคการเขียนที่ง่ายต่อการอ่านแบบสแกน และย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย โดยเนื้อหาใจความโดยรวมไม่หลุดประเด็นไปจากหัวข้อหลัก

  1. สร้างความสำพันธ์ ผ่านช่องทางสื่อ

สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มจำนวนการเข้าถึงของคนเข้าชมใหม่ๆ ถ้าที่ปรึกษาหรือทีมงาน ไม่ได้สร้างสายสำพันธ์กับนักเขียน หรือ Bloggers ไว้เลย มันคงน่าเสียดายมาก เพราะผู้เข้าชมส่วนใหญ่จะอยากติดต่อและพูดคุย สอบถามกับธุรกิจนั้นๆที่เขาสนใจ

 

Tip : ติดตามนักเขียน ในช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter ในกลุ่มธุรกิจของท่าน เพื่อที่จะแบ่งปันเนื้อหา แสดงความคิดเห็น เพื่อทราบทิศทางร่วมกันในอนาคต เวลาที่จะต้องนำเสนอข่าวสารร่วมกัน

  1. นำเสนอเนื้อหาที่คนเข้าชมต้องการ

เชื่อมกับลูกค้าคนสำคัญได้ง่ายดายผ่านเนื้อหาที่ปรับแต่งเพื่อให้ใช้งานง่าย ในทางข้อมูล 61% ของลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าจาก Brand ที่นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Tip : ใส่ใจปัญหาผู้ฟังเป็นหัวข้อสำคัญในการทำเนื้อหาที่จะนำเสนอ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเนื้อหา และพัฒนารายงาน, eBooks, คู่มือ และ โพสบล็อก ที่ให้คุณค่ากับลูกค้าของท่าน

  1. ใส่ใจการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ (Analytics)

มันง่ายดายที่จะรู้ว่าช่องทางสื่อออนไลน์ไหน ที่สร้างจำนวนคนเข้าชมได้มากมายผ่านเครื่องมือสถิติ เช่น Google Analytics เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ท่านไม่ควรทิ้งมัน หากแต่จะช่วยทำให้โฟกัสการทำงานได้มากยิ่งขึ้นในสื่อนั้นๆ

Tip : ติดตั้ง Google Analytics ในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะเช็คว่า กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนที่ได้ผลที่สุด

  1. เช็คให้แน่ใจว่า eMail Marketing ยังสื่อสารถึงคนอ่านอยู่เสมอ

หากพูดถึงทุกวิธีทำการตลาด eMail Marketing ยังคงใช้ได้ผลอยู่เสมอ เป็นหนทางที่จะส่งเนื้อหาไปถึงผู้อ่านได้โดยตรง เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าที่จะซื้อของจากท่าน และยิ่งท่านมีฐานสมาชิก eMail List มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าถึงมากขึ้นเท่านั้น

Tip : โปรดใช้เวลาและใส่ใจกับหัวข้อใน eMail ให้มากหน่อย เพราะ 64% ของผู้รับจะเปิด eMail หลังจากที่เขาอ่านหัวข้อแล้วสนใจ เวลาที่ท่านใช้ไปกับการสร้างสรรค์หัวข้อ eMail จะช่วยการันตีถึงจำนวนการเปิดอ่านได้มากยิ่งขึ้น

  1. ปรับแต่งเว็บไซต์ (SEO) ให้ดีเยี่ยม

เช็คให้แน่ใจว่า Keywords บทเว็บไซต์ของท่าน เป็นสิ่งที่คนอ่านกำลังค้นหาอยู่จริงๆ ด้วยเครื่องมือวางแผนคำหลัก (Keyword Planner Tools) ของ Google ใน Adwords

หากในเว็บไซต์ของท่านไม่มีเนื้อหา หรือ Keywords ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นไปได้สูงที่คนจะออกจากเว็บไซต์ของท่านทันที ส่งผลให้อัตราการออก (Bounce rate) ใน Google Analytics สูงขึ้น และ การตอบสนองจากผู้อ่านจะลดน้อยลงไป

 

Tip : หากธุรกิจของท่านมีคำค้นหา (keywords) ที่หลากหลาย โปรดอย่ามองข้ามคำค้นหาที่เป็นภาษาพูด เพราะคำเหล่านี้ผู้อ่านมักจะใช้พิมพ์คําค้นหาใน Google ท่านสามารถใส่คำภาษาพูดที่เข้าใจง่ายในหน้า Blog ของท่านได้ครับ

  1. จัดเวลาเป็น นักเขียน Blog รับเชิญบ้าง (Guest Blogging)

ท่านสามารถเข้าถึงคนอ่านได้มากมายผ่าน Blog ของท่าน แต่ท่านก็สามารถเพิ่มจำนวนคนอ่านใน Blog อื่นๆที่มีชื่อเสียงได้ผ่านการเป็นนักเขียน Blog รับเชิญ ซึ่งมีหลายๆ Blog ก็ยินดีต้อนรับ Guest Blogging

Tip: การเขียน Guest Blogging ควรเขียนในเนื้อหาที่มีเป็นประโยชน์กับคนอ่านของเจ้าของ Blog เป็นสำคัญ เพื่อที่เนื้อหาที่เขียนนั้น สอดคล้องกับเนื้อหาเดิมใน Blog ก่อนหน้านี้

  1. เช็คให้แน่ใจว่า ขั้นตอนการทำงานทั้งหมด รวมกันเป็นหนึ่งเดียว และสอดคล้องกันเป็นอย่างดี

ทุกขั้นตอนสามารถทำได้สำเร็จได้ แต่ควรเช็คให้แน่ใจว่าทุกขั้นตอนนั้นทำงานสอดคล้องกันเพื่อให้ถึงเป้าหมายหลัก (Goal) ที่วางไว้ของธุรกิจของท่าน

Tip : ก่อนที่จะทำการตลาดออนไลน์ ควรกำหนดเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้วว่าคืออะไร ? เช่น ต้องการเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Website Traffic), เพิ่มยอดขาย 200% หรือต้องการจะโปรโมทสินค้าตัวใหม่ โดยทุกๆขั้นตอนควรพุ่งประเด็นไปที่เป้าหมายของท่าน

กลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์ที่ไม่ควรพลาดเพื่อให้ธุรกิจเติบโต

วันและเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วการตลาดออนไลน์ ต่างๆ ที่คาดกันไว้ก็ได้เห็นกันบ้างแล้ว บางคนอาจจะเริ่มปรับกลยุทธ์เข้าสู่เทรนด์ใหม่ไปบ้างแล้ว แต่สำหรับบางคนที่ยังตั้งหลักไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นอย่างไร คงจะต้องรีบหน่อย วันและเวลาไม่รอใคร โดยเฉพาะการแข่งขันทางธุรกิจ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญ จริงแล้วอาจจะมีอีกหลายกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ แต่เชื่อว่าเพียง 5 กลยุทธ์นี้น่าจะทำให้ประสบความสำเร็จทางการตลาดออนไลน์ในปีนี้
1.ผู้ชื่นชอบต้องทันสมัย
ผู้ชื่นชอบในที่นี้มิได้หมายถึงเฉพาะผู้ชื่นชอบหรือ Like ในเฟซบุ๊คเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ติดตามในทวิตเตอร์ อีเมล์สมาชิกหรือลูกค้า หรือแม้กระทั้งหมายเลขโทรศัพท์ก็ตาม โดยจะต้องปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เช่น ต้องไม่มีการส่งข้อความแล้วตีกลับ หรือติดต่อไม่ได้ จะต้องกระตุ้นให้ผู้ชื่นชอบที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับแบรนด์ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เช่นการสร้างกิจกรรม เกมร่วมรับรางวัล เป็นต้น ยิ่งกระตุ้นให้ผู้ชื่นชอบมีส่วนร่วมมากเท่าไร จะสามารถเข้าใจพฤติกรรมของพวกเขาได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น การเรียนรู้พฤติกรรมจากการคลิกอ่านบทความผ่านอีเมล์ หรือการตอบกลับด้วยข้อความสั้น SMS เป็นต้น

2.เน้นที่ลูกค้าปัจจุบันมากกว่า
การได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ก็มีความสำคัญ แต่ต้นทุนหรือความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาลูกค้าปัจจุบันให้คงความเป็นลูกค้าต่อไปแล้ว “การรักษาลูกค้าปัจจุบันย่อมดีกว่า” จะต้องเน้นกลยุทธ์ในการดึงลูกค้าปัจจุบันให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตลาดออนไลน์ถือว่าเป็นการตลาดที่ต้นทุนไม่สูงและสามารถเข้าถึงลูกค้าปัจจุบันของคุณได้เป็นอย่างดี อาจจะใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อสนทนากับลูกค้าเหล่านี้ เพื่อจะได้ใจลูกค้าและสร้างความประทับใจได้ในที่สุด สุดท้ายก็อาจจะได้ลูกค้าเป็นตัวแทนหรือ แบรนด์แอมบาสเตอร์ของก็ได้

3.นำเสนอให้แตกต่างกับลูกค้าที่ต่างกัน
ผู้บริโภคทุกคนต้องการการนำเสนอที่เป็นตรงใจและเป็นตัวของเขาเองมากกว่า การสร้างกลุ่มเป้าหมายย่อยด้วยการสื่อสารแบบส่วนบุคคล (Personalization) จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้บริโภค การสนทนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยแอพพลิเคชั่น Social CRM จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะเข้าใจผู้บริโภคได้มากขึ้น หรือการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยแอพพลิเคชั่นการตลาดอีเมล์ที่สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้และส่งแคมเปญอีเมล์ใหม่จากพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นต้น

4.สร้างโปรไฟล์ของผู้ชื่นชอบ
ต้องให้ความสำคัญกับโปรไฟล์หรือข้อมูลเชิงลึกของผู้ชื่นชอบของคุณมากขึ้น ข้อมูลโปรไฟล์เหล่านี้จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยอาจเพิ่มคำถามเชิงลึกหลังจากที่ผู้ชื่นชอบหรือสมาชิกลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ อีกกลยุทธ์ที่ได้รับนิยมมากขึ้นคือการดึงโปรไฟล์จากเว็บไซต์สังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Twitter หรือ G+ ในการลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบในเว็บไซต์ กลยุทธ์นี้ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของสมาชิก โดยที่ไม่ต้องถาม เพราะสามารถได้ข้อมูลของผู้ชื่นชอบทันทีจากเว็บไซต์สังคมออนไลน์เหล่านั้น ผู้บริโภคยินดีที่จะให้ข้อมูลเชิงลึก หากเขาได้รับประโยชน์หรือบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น

5.โมบายโมบายและโมบาย
โมบาย ทั้งสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการตลาดออนไลน์ และอนาคต ดังนั้นจะต้องเตรียมกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ผ่านโมบายไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เป็นโมบายไซต์ หรือโมบายแอพพลิเคชั่นรวมไปถึงกิจกรรมออนไลน์ที่เคยผ่านคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปมาสู่โมบาย อาทิการสั่งซื้อออนไลน์การชำระเงินออนไลน์หรือธุรกรรมต่างๆ

ต้องยอมรับว่าการทำการในปัจจุบันมีรูปแบบและวิธีคิด วิธีการสื่อสารแตกต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก (อาจจะนับย้อนกลับไป 10 ปี) ดังนั้นหากเปรียบเทียบนักการตลาดยุคเก่ากับนักการตลาดยุคใหม่ นั้นมีวิธีคิด รูปแบบ ช่องทางการสื่อสารถึงผู้บริโภคแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และเช่นเดียวกันผลลัพย์ หรือวิธีการวัดผลก็แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน

ร้านค้าออนไลน์มีข้อดีและข้อเสียต่อธุรกิจอย่างไร

ปัจจุบันมีร้านค้าหลายร้านที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดร้านค้าออนไลน์ ในขณะที่บางร้านกลับไม่ประสบความสำเร็จทางด้านี้เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้นมีทั้งข้อดีที่เป็นข้อได้ เปรียบในเชิงธุรกิจและข้อเสียที่เป็นข้อควรระวัง ดังจะกล่าวถึงเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
ข้อดีของร้านค้าออนไลน์ คือ
1.ต้นทุนต่ำ เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่จากเว็บโฮสติ้งบนอินเทอร์เน็ต ถูกกว่าการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดเป็นร้านค้า และ ร้านค้าออนไลน์ไม่ต้องมีคนเฝ้าหน้าร้าน สามารถนำเวลาไปทำอย่างอื่น และไม่ต้องเสียเงินจ้างคนเฝ้าร้าน
2.เพิ่มประสิทธิภาพ เพราะร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าไว้เพื่อที่จะขาย ทำให้เงินลุงทุนไม่มาจมอยู่กับสินค้า สามารถทำงาน ดูแลร้านได้จากทุกที่ ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งสามารถเก็บข้อมูลทางสถิติการเข้าเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ได้ เช่น จำนวนคน หน้าที่เข้าชมบ่อย สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาแผนการตลาดในอนาคตได้
3.สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนและองค์กร เพราะการเปิดร้านค้าออนไลน์ช่วยสร้างภาพลักษณ์ในเชิงธุรกิจ ว่าเป็นองค์กรที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีสารเทศ อีกทั้งการตั้งชื่อโดเมน ที่ดีจะช่วยให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายกว่าเบอร์โทรศัพท์
4.มีโอกาสได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และสามารถให้บริการลูกค้าได้ในปริมาณมากขึ้น โดยร้านค้าออนไลน์สามารถเปิดให้บริการได้ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถรองรับลูกค้าได้จากทั่วโลก
5.อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยเพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อสินค้า และการชำระเงิน อีกทั้งยังสามารถส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมารับสินค้าด้วยเองอีกด้วย
6.เพิ่มช่องทางการทำการตลาด ซึ่งสามารถทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
7.ลดความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการถูกปล้น ถูกโจรกรรมและยังลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และอุบัติเหตุด้วย
ข้อเสียของร้านค้าออนไลน์ คือ
1.มีการแข่นขันสูง เนื่องจากต้นทุนต่ำ ทำให้ใครๆ ก็สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ และหากต้องการให้ร้านเป็นที่รู้จัก อาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์มาก
2.การเปิดร้านค้าออนไลน์นั้นง่าย แต่ทำให้ออกมาดีนั้นยาก เพราะการทำให้เว็บไซต์น่าสนใจต้องใช้ ทักษะ ความรู้ ความสามารถมากอาจมีค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชียวชาญพัฒนา และออกแบบระบบ
3.ลูกค้าบางคนไม่ซื้อ เพราะบางคนไม่เชื่อใจร้านค้าออนไลน์ กลัวว่าจะถูกโกง จ่ายเงินซื้อสินค้าแล้วไม่ได้ของที่ตัวเองซื้อ
4.มีข้อจำกัด โดยลูกค้าจำเป็นต้องรอ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจัดส่ง หรือสินค้าบางอย่างขายบนร้านค้าออนไลน์ไม่ได้
5.มีความเสียงทางด้านเทคโนโลยี อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานร้านค้าออนไลน์ เช่นเว็บไซต์ล่ม หรือโหลดข้อมูลช้าและมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามในรูปแบบอื่นๆ เช่นการติดไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือการแฮกเกอร์เจาะระบบ
6. มีความไม่ชัดเจนของมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฎหมายการค้าออนไลน์ยังไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐฯ อย่างแท้จริง
จะเห็นได้ว่า ธุรกิจร้านค้าออนไลน์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นหากผู้ที่ดำเนินธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อดีให้เป็นข้อได้เปรียบในเชิงธุรกิจและรับรู้ถึงข้อเสียโดยการระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้น ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านค้าออนไลน์นี้มากขึ้น

วิธีขายของออนไลน์ให้ดึงดูดใจลูกค้า

ยุคของโลกออนไลน์อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญของชีวิตมากขึ้นทุกวัน ทำให้เกิดธุรกิจการขายของออนไลน์ขึ้น และกลายเป็นเรื่องปกติของคนในยุคนี้ จึงทำให้ร้านค้าออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นทาง facebook เว็บบอร์ด หรือเว็บไซต์ร้านค้าต่างๆ เมื่อมีร้านเพิ่มมากขึ้น จำนวนคู่แข่งก็เพิ่มตามไปด้วย ดังนั้นในบทความนี้เราจะขอเสนอวิธีขายของออนไลน์ให้ดึงดูดใจลูกค้า

1.เปิดช่องทางไว้ให้ลูกค้าติดต่อได้สะดวกรวดเร็วเสมอ การทำตัวให้ติดต่อได้ง่ายยังช่วยในเรื่องของความน่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพ่อค้าแม่ค้าร้านนี้มีตัวตนจริงๆ และด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ทั้งเครื่องมือ เช่น โทรศัพท์มือถือหรือไอแพด ทั้ง Social Media ทั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น facebook หรือ LINE ก็ช่วยให้การติดต่อทำได้เร็วกว่าเดิม ร้านค้าที่มีช่องทางเหล่านี้ย่อมได้เปรียบรายอื่นๆ

2.มีบัญชีธนาคารไว้หลายๆ แห่งเพื่อรองรับการชำระเงิน บางครั้งธนาคารที่ลูกค้าใช้เป็นประจำอาจไม่ใช่ธนาคารที่ผู้ประกอบการเปิดบัญชีไว้เพื่อรับเงินก็ได้ ทำให้ลูกค้าอาจต้องเดินทางเพิ่มมากขึ้นเพื่อไปธนาคาร อาจต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามธนาคารหากลูกค้าโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มหรือธนาคารออนไลน์ ซึ่งนั่นเเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกด้วย

3.ควรรีบส่งสินค้าให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ หากผู้ประกอบการส่งสินค้าให้ลูกค้าได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากเท่านั้น ส่วนร้านค้าใดมีกำหนดการส่งของที่แน่นอน ควรจะแจ้งลูกค้าก่อนทำการตกลงซื้อขายและชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสตัดสินใจ

4.หีบห่อที่แข็งแรงคงทนและดูดี ช่วยสร้างความประทับใจได้มาก พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงควรบรรจุสินค้าลงหีบห่ออย่างระมัดระวัง มีการห่อพลาสติกกันกระแทกสำหรับสินค้าที่อาจแตกได้ และที่สำคัญที่สุดคือพ่อค้าแม่ค้าต้องปิดผนึกกล่องพัสดุให้แน่นหนาที่สุด ไม่ให้เกิดการฉีกขาดระหว่างทาง หรือหากเป็นสินค้ากระจุกกระจิกน่ารักๆ ที่กลุ่มลูกค้าเป็นหญิงสาวแล้วละก็ การตกแต่งหีบห่อให้สวยงาม

แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการค้าขายนั่นก็คือความซื่อสัตย์ เพราะหากขาดสิ่งนี้ไปร้านค้าอาจถูกมองในแง่ลบได้ และทำให้ลูกค้าตัดสินใจไปซื้อร้านอื่น ดังนั้นการบริการที่ดีเป็นสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด

Content ที่น่าสนใจสำหรับการตลาดออนไลน์

การตลาดออนไลน์มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้วงการธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และเกิดเทคนิคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายจนบางครั้งก็ตามไม่ทันเสียด้วยซ้ำ ทำให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาดในองค์กรที่จะต้องหมั่นคอยตามเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อนำมาปรับใช้กับองค์กรให้เกิดประโยชน์อยู่เสมอ สำหรับแนวโน้มการตลาดออนไลน์ที่เกิดขึ้น มีดังนี้

1.มี Content Marketing ใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ผ่านทางรูปแบบของสื่ออย่าง รูปภาพ, วีดีโอ, Infographic หรือรูปแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่ง Content Marketing นี้ถือเป็นหนทางหลักๆ ที่หลายองค์กรต่างเลือกใช้เพื่อทำให้ผู้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ของเราไปในทางที่เราต้องการ เราก็จะเริ่มเห็นได้ว่าสินค้าและบริการที่เรารู้จักอยู่เกือบทุกแบรนด์นั้นก็เริ่มมีช่องทางในการเผยแพร่แบรนด์ของตัวเองกันแทบทุกทางแล้ว

2.สร้าง Content ไว้รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีเพิ่มขึ้นทุกปี จึงจำเป็นต้องปรับให้เหมาะสม  เนื่องจากโดยปกติแล้วเว็บไซต์ต่างๆ ที่เคยสวยงามบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ใหญ่ก็อาจไม่ลงตัวสำหรับอุปกรณ์ของเล็กอย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต

3.มีการพัฒนาอยู่ตลอดจนเห็นแอพลิเคชั่นใหม่ๆ อยู่ตลอด ธุรกิจจะมีช่องทางที่จะส่ง Content ไปถึงลูกค้าได้ง่ายและแพร่หลายขึ้นโดยเริ่มวิเคราะห์จากแบรนด์ตัวเองก่อนเลยว่าแบรนด์เราเหมาะสมกับเครื่องมือชิ้นไหนบ้าง หมั่นคอยตามเทคโนโลยี และแอพลิเคชั่นใหม่ๆ อยู่เสมอ

4.เน้นความเรียบง่ายๆ ใช้เนื้อหาน้อย แต่คุณภาพเพียงพอที่จะดึงความสนใจของคนได้ เพราะแบรนด์เหล่านี้เห็นว่าความพยายามที่จะส่งข้อมูลข่าวสารไปให้ผู้คนมากเกินไปนั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกรำคาญและเลือกที่จะบล็อคข้อมูลเหล่านั้นไปโดยอัตโนมัติ

5.ใช้ตัวอักษร ควรที่จะแทรกรูปภาพขั้นระหว่าง Content เพื่อให้เป็นจุดพักสายตาอยู่ตลอด ความเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ข่าวสารและข้อมูลที่ย่อยง่ายย่อมเกิดความได้เปรียบ และทำให้ผู้คนสนใจได้มากกว่า เพราะคนเหล่านี้รู้สึกว่าใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจ

6.แบรนด์โฆษณา Ad Retargeting โดยเครื่องมือการตลาดชิ้นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามการเข้าเว็บไซต์ของเรา เพื่อดูรูปแบบของสินค้า และการบริการที่เราสนใจ ก่อนที่จะเก็บข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ เพื่อนำไปประมวลผลในการเลือกโชว์โฆษณาต่างๆ ตามเว็บให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้

ลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรที่ทำให้สามารถสร้างเงินได้มากขึ้น

ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า ถ้าหากเรามองลูกค้าเป็นเพียงแค่ผู้เสียเงินซื้อสินค้า และบริการจากเราเพียงอย่างเดียว นั่นถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะในหลายๆบริษัทที่ประสบความสำเร็จมองลูกค้ามากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น Facebook มีลูกค้าถึงพันล้านคนโดยประมาณ แต่ลูกค้าเหล่านี้ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าเลย แต่บริษัท Facebook กลับมีรายได้มากมายมหาศาล นั่นก็เพราะลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อนให้สามารถสร้างเงินได้มาก

เว็บไซต์ส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลในการดึงดูดความสนใจของลูกค้า ต่างกับ Facebook ที่มีเนื้อหาแบบเรียลไทม์อัพเดตชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องสร้างเนื้อหาเองดังเช่นเว็บไซต์ขายสินค้าทั่วไป แต่กลับได้รับความนิยม ดังนั้นหากเราใช้แนวคิดนี้ในการให้ลูกค้าเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายในเว็บไซต์ เว็บไซต์ของเราอาจได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน

การทำธุรกิจผ่านเว็บไซต์ไม่อาจสู้กับธุรกิจรายใหญ่ๆได้ จึงควรหาโอกาสที่จะไปงานอีเวนท์เล็กๆ ต่างๆ เพื่อพบปะพูดคุยและให้ความสำคัญกับลูกค้าที่สนใจแทน เพราะลูกค้าที่สนใจมีความสามารถในการชักชวนมากกว่าเรา ในการชักชวนแบบปากต่อปาก โดยไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนเลย

จากผลสำรวจพบว่าสินค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนมากมาจากไอเดียของลูกค้าทั้งสิ้น ซึ่งถ้าหากบริษัทที่กำลังประสบปัญหากับแนวทางการพัฒนาสินค้าและบริการ อาจจะลองพยายามมองหาความช่วยเหลือจากลูกค้าแทนที่จะคิดเองดูบ้าง บางทีอาจจะได้มุมมองไอเดียใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมที่น่าสนใจ

การทำธุรกิจนั้นแต่ละองค์กรย่อมหวังที่สร้างโอกาสให้ตัวเองเพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้าทั้งหลาย แต่ความเป็นจริงแล้ว ลูกค้านั้นพร้อมที่จะสร้างเครือข่ายขึ้นมาแต่เป็นเครือข่ายของลูกค้าด้วยกันเองมากกว่า เราทำได้คือการเป็นตัวกลางของเครือข่ายที่จะช่วยเชื่อมให้ชุมชนของลูกค้าเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นมาต่างหาก เมื่อมีลูกค้าคนใดคนหนึ่งเกิดรู้สึกประทับใจกับสินค้าหรือบริการของเราขึ้นมา เขาก็จะพร้อมที่จะบอกต่อความประทับใจต่อไปยังเพื่อนๆ ในเครือข่ายลูกค้า

จากที่กล่าวมาพิสูจน์ได้ว่าเงินที่ได้จากลูกค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป แต่เป็นการที่ลูกค้าช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร ซึ่งสิ่งนี้ช่วยทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่านำเงินไปลงทุนทำแผนการตลาดอื่นๆแน่นอน

ธุรกิจการตลาดแบบขายตรงที่ผู้บริโภคคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน

ขายตรง
ปัจจุบันธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมีส่วนสร้างความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่อบุคคล สังคมและประเทศชาติโดยเฉพาะในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายจำนวนมาก ธุรกิจขายตรงจึงเป็นช่องทางการขายปลีกรูปแบบหนึ่งซึ่งผู้บริโภคคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เนื่องจากการตลาดในปัจจุบันเมื่อผู้ผลิตได้ดำเนินการผลิตสินค้าเรียบร้อยแล้วจะนำสินค้าออกสู่ตลาดการขายตรงเป็นวิธีการกระจายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าในระบบการขายตรงมีหลายชนิดเป็นที่รู้จักของตลาด มีจำนวนสมาชิกหรือลูกค้าจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีตัวแทนจำหน่ายหรือตัวแทนขายจำนวนมากเช่นกัน การขายตรงจึงเป็นอาชีพอิสระที่ผู้คนให้ความสนใจเลือกประกอบอาชีพที่ดีที่สุดอาชีพหนึ่ง

รูปแบบของงานขายมีลักษณะเกี่ยวกับความสามารถในการชักจูงใจและโน้มน้าว หรือใช้ศิลปะการขายเป็นสำคัญ การขายเกิดจากพฤติกรรมภายใน ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ความนิยมชมชอบ ความพึงพอใจ ความเต็มใจของผู้ซื้อ ฯลฯ ดังนั้นนักขายจะต้องมีคุณสมบัติและความรอบรู้หลายประการ เช่น ด้านพื้นฐานการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขายโดยตรง ด้านจิตวิทยาในการปรับตัวเข้าหาลูกค้า การเตรียมตัวก่อนปฏิบัติงานขาย และการปฏิบัติภายหลังสิ้นสุดการขาย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญของการขายเป็นหลัก นอกจากกิจการจะมีสินค้าพร้อมเพื่อขาย มีลูกค้ามุ่งหวังเป็นเป้าหมายสำคัญในการขาย มีบุคลากรปฏิบัติงานขายยังไม่เพียงพอสำหรับการสร้างเสริมการขายให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยศิลปะการขายที่นักขายเหล่านั้นนำมาใช้ในระหว่างการปฏิบัติงานขายด้วย จึงจะบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้

ธุรกิจตลาดแบบตรง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ไม่ใช่แค่การมุ่งเน้นเรื่องการขายผลิตภัณฑ์อย่างเดียว แต่ลูกค้าต้องการสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ เช่น เมื่อเสียเงินซื้อสินค้าไปบริโภคแล้วคุ้มกับเงินที่จ่ายออกจากกระเป๋าหรือเปล่า , พนักงานขาย หรือ Call Centre สามารถตอบโจทย์หรือคำถามที่ลูกค้าโทรเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ได้หรือเปล่า เพราะลูกค้ายุคนี้ต้องการความเติมเต็มเกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องการจะซื้อเกี่ยวกับตัวสินค้านั้นๆ จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องกลับไปนั่งคิดโดยเฉพาะเรื่องของการทำข้อมูล Data Base ของลูกค้าแต่ละคนว่าชอบ-ไม่ชอบอะไร อุปนิสัยในการบริโภคสินค้าเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ตัวแทนจำหน่ายในธุรกิจขายตรงสามารถปรับแนวคิดดังกล่าวไปใช้เพื่อต่อยอดองค์กรให้กับตนเอง รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกใหม่และ เก่าที่อยู่ภายใต้เครือข่ายได้

อินเตอร์เน็ตหรือโลกออนไลน์ นับวันยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องออนไลน์

21

เราจะเห็นได้ว่าออนไลน์กำลังครอบคลุมออฟไลน์อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ของให้อีเล็คโทนิค และชีวิตประจำวัน เพราะฉนั้นแล้ว พฤติกรรมของมนุษย์กำลังเปลี่ยนไป และทำให้การตลาดบนโลกนี้กำลังเปลี่ยนไปด้วยนี่คือยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันต่อโลกออนไลน์ที่รวดเร็วเป็นอย่างมากอินเตอร์เน็ตหรือโลกออนไลน์ นับวันยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องออนไลน์คือช่องทางติดต่อสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงหลายองค์กรหรือหลายบริษัทจึงต่อยอดหรือแตกแขนงธุรกิจของตนเข้าสู่โลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุคทวิตเตอร์การตลาดในยุคปัจจุบันหันมาใช้ด้าน Online Marketing มากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่าอินเตอร์เน็ตนับมีส่วนสำคัญในการขยายฐานลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบการเนื่องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหันมาค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์กันมากขึ้นทุกๆวันตลอดจนทั้งการแข่งขันในการเรื่องขอการนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายมีการแข่งขันการอย่างมาก

โดยเฉพาะการทำการตลาดผ่าน Social Media ช่วยให้คุณทำการตลาดได้ง่ายขึ้นและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการทำการตลาดแบบออฟไลน์เป็นอย่างมากประกอบกับการทำการตลาดผ่าน Social Media โดยเฉพาะ Facebook นั้นมีขั้นตอนที่ง่ายๆไม่ยุ่งยากเหมือนเว็บไซต์และลูกค้าที่กดไลท์ชอบสินค้าหรือบริการของเรายังสามารถแชร์ให้เพื่อนเห็นเกิดเป็น Network มีผลให้สินค้าและบริการของเรามีการแพร่กระจายต่อไปยังผู้บริโภคคนอื่นๆอีกด้วย  ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆท่านต้องหันมาปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันออฟไลน์ รูปแบบการทำงานในสมัยเก่าเป็นธุรกิจเครือข่ายในลักษณะที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยีทาง internet ใช้วิธีการติดต่อธุรกิจแบบปากต่อปากหรือที่เรียกว่า Viral Marketing เพื่อทำการขายสินค้ารวมไปถึงชวนคนเข้าร่วมธุรกิจออนไลน์ รูปแบบการทำการตลาดบน Internet แบบออนไลน์เป็นการทำการตลาดกับผู้ที่ใช้ Search engine หรือ Social Media ซึ่งเทคโนโลยีทางด้าน IT นั้นได้เข้ามาช่วยเหลือทำให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้นธุรกรรมต่างๆก็ใช้ website เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อกับผู้คนทั่วโลกที่กำลังออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Email , VDO และสื่อดิจิตอลอื่นๆ